วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555


Present Progressive Tense


โครงสร้างประโยค:                      Subject + Verb to be + Verb 1 ing.

                                                ( ประธาน + is, am, are + กริยาช่อง 1 เติม ing.)

ข้อควรจำ : Present  Continuous  Tense  จะต้องมี  is, am, are  หรือ   v. to  be  นำหน้า v.ing  

                  เสมอ  โดยประธานที่ใช้

                -  กริยา  is  คือ he, she, it      

                -  กริยา  am  คือ I     

                -  กริยา are คือ we, you, they 

                                                                       หลักการใช้

                 1.  ใช้กับการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด   

                 2.  ใช้กับเหตุการณ์ที่มีเวลาในปัจจุบันเหล่านี้กำหนดอยู่  now   then   at the moment  at this time   this  year  this  week  this  month

                  3.  ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่ง  ชั่วคราว  ( temporary )                    

                  4.  กริยาแสดงการเปลี่ยนแปลงซึ่งให้ความรู้สึก  เพิ่มขึ้น  ลดลง  หรือเคลื่อนไหว  มักนิยมใช้กับ  Present  Continuous  Tense  ได้แก่  rise,  change,  increase, fall, improve    

             
  รูปประโยคแบบต่างๆ

1. ประโยค Present Progressive Tense เชิงบอกเล่า

                             โครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb 1 ing.

                        ตัวอย่าง

                        1. Somchai is sleeping. ( สมชายกำลังนอนหลับ )

                        2. I am playing football. ( ฉัน กำลังเล่น ฟุตบอล )

                        3. They are watching TV. ( พวกเขากำลังดูโทรทัศน์ )

2. ประโยค Present Progressive Tense เชิงปฏิเสธ

            เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงปฏิเสธให้นำ not มาเติมหลัง Verb to be ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้

            โครงสร้าง: Subject + is, am, are + not + Verb 1 ing.

             ตัวอย่าง :

            1. Somchai is not ( isn’t ) sleeping. ( สมชายไม่ได้กำลังนอนหลับ )

            2. I am not playing football. ( ฉันไม่ได้ กำลังเล่น ฟุตบอล )

            3. They are not ( aren’t ) watching TV. ( พวกเขาไม่ได้กำลังดูโทรทัศน์ )

3. ประโยค Present Progressive Tense เชิงคำถามและการตอบ

            เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ Verb to be มาวางไว้หน้าประโยค     และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
         
              โครงสร้าง: Is, Am, Are + Subject + Verb 1 ing. ?
            ตัวอย่าง :

           1. Is Somchai sleeping ? ( สมชายกำลังนอนหลับใช่หรือไม่ )
                        -Yes, he is . ( ใช่ เขากำลังนอนหลับ )
                       -No, he isn’t. ( ไม่เขาไม่ได้กำลังนอนหลับ )
            2. Are they studying English ? (พวกเขากำลังเรียนภาษาอังกฤษใช่หรือไม่ )

                      -Yes, they are. ( ใช่พวกเขากำลังเรียน )

                      -No, they aren’t . ( ไม่พวกเขาไม่ได้กำลังเรียน )

            3. Am I playing football ? ( ฉัน กำลังเล่น ฟุตบอลใช่หรือไม่ )

                        -Yes, you are. ( ใช่คุณกำลังเล่นฟุตบอล )

                        -No, you aren’t . ( ไม่คุณไม่ได้กำลังเล่นฟุตบอล )

                                                            หลักการเติม ING หลังกริยา

1. คำกริยาธรรมดา ให้เติม ing ได้เลย เช่น

           speak ( พูด ) - speaking

           eat (กิน) - eating

2. คำกริยาที่มีพยางค์เดียว มีตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัว แล้วเติม ing เช่น

            sit ( นั่ง ) - sitting

            run ( วิ่ง ) - running

3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e เพียงตัวเดียวให้ตัด e ทิ้งแล้วเติม ing เช่น

            come ( มา ) - coming

            drive ( ขับรถ ) - driving

4. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ing เช่น

            die ( ตาย ) - dying

            lie ( นอน ) - lying

Grammar

หลักการใช้ Present Simple Tense (ปัจจุบันกาลปกติ) ในภาษาอังกฤษ
รูปแบบของ Present Simple Tense
Subject + Verb  1

ใช้กับเหตุการณ์
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไปหรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ เช่น
   The sun rises in the east.( พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ).                                              
      Fire is hot. ( ไฟร้อน )

 2. ใช้กับการกระทำที่ทำจนเป็นนิสัย มักจะมีกลุ่มคำที่มีความหมายว่า เสมอๆ บ่อยๆ ทุกๆ อยู่ด้วย เช่น               
 I get up at six o’clock everyday.
หลักการจำและนำไปใช้
1.  ประธาน  He, She, It  หรือ 1 เดียวเท่านั้น ต้องเติม s หรือ es  ท้ายคำกริยาด้วย มีกริยาช่วย
 คือ does 
2.  ประธาน I, You, We, They, หรือ 2 ขึ้นไป กริยาเหมือนเดิม มีกริยาช่วย คือ  do
3.  do และ does  ใช้ในประโยค คำถามและปฏิเสธ
4.  ในประโยคมีคือ does กริยาไม่ต้องเติม s / es
ชนิดของประโยค
1. ประโยคบอกเล่า =   Subject + Verb1 + (Object).   เช่น
   She likes English .
   Jack plays football everyday.
    I like Thai .  
 2. ประโยคคำถาม
      2.1  Yes/No question
              ใช้  Do, Does + ประธาน + กริยา ? 
               Does she like English? 
               Does Jack play football everyday?                
               Do you like Thai?
               Do Jack and his friends play football everyday?
               การตอบแบบ Short answer 
            Yes, he/she/it does.
                No, he/she/it doesn’t.
                Yes, I/you/we/they do.
             No, I/you/we/they don’t.
        2.2   ใช้ Question words  
                 (What/ Where/ When / Why/ ……+ do/does + ประธาน + กริยา…….?) เช่น
                 What do you eat for lunch?       I eat noodles.
                 Where does Jim go Mondays?   He goes to school. 
                 How do they go to school?  They go to school by school bus.
3. ประโยคปฏิเสธ ใช้ do not (don’t), does not (doesn’t) ตามด้วยคำกริยาแท้รูปเดิม
                 She doesn’t like English.                                                                               
                 Jack doesn’t play football everyday.         
หลักการเติม s ที่คำกริยา
1.กริยาที่ลงท้ายด้วย o, s, x, ch, ss, และ sh,  ให้เติม es เช่น
                 pass - passes = ผ่าน      
                 brush - brushes = แปรงฟัน   
                 catch - catches = จับ                             
                 go - goes = ไป              
                 box - boxes = ชก
2.กริยาที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y ไม่ใช่  a e i o u ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
   study studies เรียน,          cry - cries = ร้องไห้,         fry - fries = ทอด    
3. กริยาที่นอกเหนือจากที่ไม่เข้ากฎในข้อ 1 และ ข้อ 2 ให้เติม s ได้เลย

วิธีการสร้างประโยค Present Simple Tense


โครงสร้าง
ประโยคบอกเล่า
Subject + Verb1
I / You / We / They
eat
seafood.
He / She / It
knows
about you.
โครงสร้าง
ประโยคปฏิเสธ
Subject + do/does + not + Verb1
I / You / We / They
do
not
eat
seafood.
He / She / It
does
not
know
about you.
โครงสร้าง
ประโยคคำถาม
Do/Does + Subject + Verb1?
Do
I / you / we / they
eat
seafood?
Does
he / she / it
know
about you?
โครงสร้าง
ประโยคคำถาม
Wh-
Who/What/Where/When/Why/How + do/does + Subject +Verb1?
Why
do
I / you / we / they
eat
seafood?
What
does
he / she / it
know
about you?

*คำปฏิเสธรูปย่อของ do/does not คือ don’t และ doesn’t